TQR มั่นใจปี 65 ธุรกิจประกันภัยต่อโตต่อเนื่องลุยพัฒนาประกันภัยรูปแบบใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค

TQR มั่นใจปี 65 ธุรกิจประกันภัยต่อโตต่อเนื่องลุยพัฒนาประกันภัยรูปแบบใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภค

บมจ.ที คิว อาร์ (TQR) ประเมินภาพรวมธุรกิจประกันภัยและประกันภัยต่อยังเติบโตต่อเนื่อง เดินหน้าพัฒนาออกผลิตภัณฑ์ประกันภัยรูปแบบใหม่ๆ ร่วมกับบริษัทประกันภัย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มีเพิ่มขึ้น ฟากซีอีโอ "ชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์" เผย มองหาโอกาสการลงทุน ในธุรกิจใหม่ เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ ผลักดันผลงานปี 65 เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) (TQR) ผู้ให้บริการนายหน้าประกันภัยต่อ (Reinsurance Broker) แบบครบวงจร เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 ยังมีทิศทางที่ดี โดยบริษัทฯ ยังเดินหน้าในธุรกิจนายหน้าประภัยต่อแบบทั่วไป(Traditional Business)  และธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อแบบพัฒนาช่องทางและผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกัน(Alternative Business) จากความต้องการการทำประกันภัยของผู้บริโภคที่มีมากขึ้น ประกอบกับบริษัทฯได้มุ่งพัฒนาประกันภัยในรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะ การประกันภัยไซเบอร์ การประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่างๆ การประกันสุขภาพ รวมทั้ง ประกันภัยพืชผลทางการเกษตร และการประกันภัยสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า คาดว่าจะได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการประกันที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทางเลือกรูปแบบใหม่ อาทิ พลังงานน้ำ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ เป็นต้น และกระแสของ Environmental, Social and Governance: ESG  ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ทั้งโลกให้ความใส่ใจในปัจจุบัน

สำหรับ บริษัท อาร์สแควร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน การดำเนินธุรกิจเป็น Software-as-a-Service มุ่งเน้นด้าน Learning Management Platform ให้บริการกับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการให้บริการอบรมหลักสูตรต่างๆ ที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพของการเรียนการสอน เนื่องจากเป็นการพัฒนาด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่ทันสมัย และในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าการเพิ่มจำนวนลูกค้ารายใหม่ 6-8 รายคาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 8 ล้านบาท โดยเน้นกลุ่มลูกค้า ทั้ง ธุรกิจประกันวินาศภัย ธุรกิจประกันชีวิตที่เป็นบริษัทประกันภัย บริษัทนายหน้าประกันภัย รวมถึง สมาคมตัวแทนภาคธุรกิจต่างๆ

   นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัยอย่างต่อเนื่องซึ่งมีการพิจารณาความเสี่ยงอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ ขณะนี้ มีโครงการที่อยู่ระหว่างศึกษาหลายโครงการ คาดจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้

   ล่าสุด คณะกรรมการบริษัทของ TQM มีมติอนุมัติการลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญของ TQR จากนายอัญชลิน พรรณนิภา และนางนภัสนันท์ พรรณนิภา จำนวนรวม 102,000,000 หุ้นหรือคิดเป็นร้อยละ 44.35 ของหุ้นทั้งหมดของ TQR ในราคาหุ้นละ 5.10 บาท (ห้าบาทสิบสตางค์) โดยจะเข้าทำธุรกรรมการซื้อขายหุ้นสามัญของ TQR ภายหลังจากที่ TQM ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี2565 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28 เมษายน 2565

   โดยภายหลังจากที่ TQM เข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ เสร็จสิ้น TQM จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ โดยถือหุ้นทั้งหมด 102,190,000 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 44.43 ของทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วของบริษัทฯ และ TQM มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญที่เหลือทั้งหมดของบริษัทฯ ในราคาหุ้นละ 5.10 บาท และ คาดว่าจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ภายในไตรมาส 2 ของปี 2565 นี้

    “ในปี 65 นี้ TQR มีการคิดค้น และพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ ร่วมกับบริษัทประกันภัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค  ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้มองหาโอกาสการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการต่อยอดจากธุรกิจหลัก เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้เติบโตในระยะยาวและในส่วนของการเตรียมร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ TQM เพื่อเพิ่มศักยภาพการเป็นบริษัทนายหน้าประกันภัยต่อ ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น  สามารถแข่งขันในระดับสากลได้” นายชนะพันธุ์กล่าว

   นางยุพเรศ พิริยะพันธุ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) (TQR) กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2565 คาดว่า จะมีอัตราการเติบโตที่ 4% - 5.5% จากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 มีแนวโน้มที่จะสามารถควบคุมให้อยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ ซึ่งจะส่งผลให้การบริโภค การลงทุน การนำเข้า ส่งออกสินค้าและบริการ เริ่มที่จะทยอยฟื้นตัวได้ตามลำดับ โดยคาดว่าหลังไตรมาส 2 ของปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะเริ่มส่งสัญญาณในทิศทางที่ดีขึ้น มีการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจประกันภัยจะได้รับประโยชน์ตามไปด้วย มั่นใจว่า จะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนผลงานในปีนี้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 

     อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2564 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 97.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.60% เทียบปีที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 74.06  ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 256.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.77% เทียบปีที่ผ่านมา มีรายได้รวม 196.04 ล้านบาท

     ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา ได้มีการอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลงวดประจำปี 2564 ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดอีก ในอัตรา 0.153 บาท/หุ้น โดยวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 16 มีนาคม 2565 ซึ่งวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่17 มีนาคม 2565 และกำหนดวันที่จ่ายปันผลเป็นวันที่ 11 พฤษภาคม 2565 ซึ่งบริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 ในอัตรา 0.165 บาท/หุ้นไปแล้ว เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2564 ทั้งนี้ สิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทในวันที่27 เมษายน 2565

ข่าวเกี่ยวข้อง